อาณาจักรแห่งการผลิต | คอลัมน์ | อเมซิ่งไอจิ ญี่ปุ่น

อเมซิ่งไอจิ ญี่ปุ่น

อาณาจักรแห่งการผลิต

ค้นพบไอจิ อาณาจักรแห่งการผลิต ผ่านพิพิธภัณฑ์

PREV

/

NEXT

  • อาณาจักรแห่งการผลิต
  • อาณาจักรแห่งการผลิต
  • อาณาจักรแห่งการผลิต
  • อาณาจักรแห่งการผลิต
  • อาณาจักรแห่งการผลิต
  • อาณาจักรแห่งการผลิต
  • อาณาจักรแห่งการผลิต
  • อาณาจักรแห่งการผลิต

PREV

NEXT

/

  • Karakuri Exhibition Museum
  • Misono Shopping Street Karakuri
  • Toyota Commemorative Museum of Industry and Technology
  • Textile Machinery Pavilion
  • Automobile Pavilion
  • Toyota Automobile Museum
  • Automobile Gallery
  • Cultural Gallery
  • Toyota Kaikan Museum
  • Safety Simulator Experience
  • SCMAGLEV and Railway Park
  • Simulator
  • Ekiben
  • Aichi Museum of Flight
  • Flight simulators
  • FLIGHT OF DREAMS
  • FLIGHT OF DREAMS
  • FLIGHT OF DREAMS
  • planetarium
  • Nagoya City Science Museum

เพิ่มเติม

จังหวัดไอจิเป็นภูมิภาคที่มีชื่อเสียงด้านอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง โดยมีบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการผลิตอย่างโตโยต้าและบริษัทอื่นๆ ดำเนินกิจการภายในจังหวัด และเป็นเวลากว่า 4 ทศวรรษที่จังหวัดไอจิครองอันดับหนึ่งในด้านการส่งออกสินค้าที่ผลิตขึ้นมาอย่างต่อเนื่องของญี่ปุ่น จนได้รับการยกย่องให้เป็นหัวใจแห่งอุตสาหกรรมการผลิตและอาณาจักรแห่งการผลิต

การพัฒนาหุ่นยนต์อุตสาหกรรมมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อความก้าวหน้าด้านอุตสาหกรรม โดยรากฐานของเทคโนโลยีหุ่นยนต์อันโดดเด่นซึ่งช่วยให้หุ่นยนต์เคลื่อนไหวได้อย่างนุ่มนวลและแม่นยำราวกับแขนขาของมนุษย์นี้ สามารถย้อนกลับไปได้ถึงหุ่นกระบอกคาราคุริที่เคยเฟื่องฟูบนเวทีตามเทศกาลต่างๆ เมื่อประมาณ 300 ปีก่อน

หุ่นกระบอกคาราคุริได้รับการออกแบบอย่างชาญฉลาดเพื่อให้เกิดการเคลื่อนไหวอัตโนมัติโดยใช้กลไกที่สลับซับซ้อน เช่น เชือก สปริง และเฟือง ส่วนรถแห่รูปทรงรถม้าที่ใช้บรรทุกหุ่นกระบอกคาราคุริก็มักผลิตในจังหวัดไอจิ หุ่นกระบอกเหล่านี้สามารถแสดงท่าทางอันน่าทึ่งได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งการร่ายรำอันตราตรึง การเคลื่อนไหวกายกรรม การแปลงกายอันน่าทึ่ง และแม้กระทั่งสามารถแสดงละครตามตำนานได้เช่นกัน การที่หุ่นกระบอกคาราคุริมีส่วนอยู่ในเทศกาลต่างๆ ได้ช่วยเพิ่มความตื่นเต้นและน่าทึ่งไปขึ้นอีกขั้น นอกจากนี้ ช่างศิลป์ผู้สร้างสรรค์หุ่นกระบอกเหล่านี้ได้ร่วมแข่งขันกันอย่างฉันท์มิตรเพื่อท้าทายขีดจำกัดของวิศวกรรมเครื่องกลและทักษะทางศิลปะอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การผลิตหุ่นกระบอกคาราคุริอันน่าทึ่งนี้ได้รับการพัฒนาอย่างพิถีพิถันยิ่งขึ้นตามกาลเวลา

หัวใจสำคัญของการผลิตในจังหวัดไอจิในปัจจุบันสามารถย้อนกลับไปได้ถึงแนวคิดในการใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อกำหนดรูปแบบและการแสดงออกทางอารมณ์ ซึ่งเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ยุคหุ่นกระบอกคาราคุริ การสำรวจพิพิธภัณฑ์ที่อุทิศให้กับประวัติศาสตร์อันยาวนานนี้เผยให้เห็นข้อมูลเชิงลึกอันทรงคุณค่าเกี่ยวกับเส้นทางแห่งนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและงานฝีมือที่หล่อหลอมมรดกทางการผลิตของจังหวัดไอจิ ออกเดินทางสำรวจและค้นพบสมบัติล้ำค่าที่ซ่อนอยู่เหล่านี้ด้วยตัวท่านเอง!

พิพิธภัณฑ์นิทรรศการคาราคุริ

เมืองอินุยามะเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมรถแห่ยามะ (ซึ่งยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้) และวัฒนธรรมคาราคุริ โดยนิทรรศการจัดแสดงหุ่นคาราคุริดั้งเดิมที่เคยจัดแสดงบนรถแห่ยามะ รวมถึงหุ่นถือชาที่ประดิษฐ์ขึ้นเป็นพิเศษเพื่อดูแลและต้อนรับแขกในพิธีชงชา
ทุกวัน โชเบ ทามะยะ ช่างหุ่นคาราคุริรุ่นที่ 9 จะมานำเสนอและบรรยายเกี่ยวกับหุ่นเหล่านี้อย่างละเอียด และในวันเสาร์และอาทิตย์ เขาจะสาธิตวิธีการทำหุ่นเหล่านี้ ซึ่งนับเป็นโอกาสอันดีที่จะได้เห็นกลไกการเคลื่อนไหวของหุ่นคาราคุริด้วยตนเอง

พิพิธภัณฑ์นิทรรศการคาราคุริ

ถนนสายช็อปปิ้งมิโซโนะ คาราคุริ

ถนนสายช็อปปิ้งมิโซโนะตั้งอยู่ทางตะวันตกของมิโซโนะสะ ซึ่งเป็นโรงละครที่ขึ้นชื่อในด้านการแสดงคาบูกิและการแสดงอันน่าประทับใจมากมาย ถนนสายนี้มีร้านอาหารและร้านขายอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมในหมู่นักแสดงคาบูกิ และตรงหัวมุมถนนมีหุ่นคาราคุริสูง 12 เมตรตั้งอยู่ ในช่วงเวลาที่กำหนดในแต่ละวันจะมีการแสดงอันน่าประทับใจจัดขึ้น โดยมีหุ่นคาราคุริ 5 ตัวขึ้นแสดงบนเวทีทีละตัวในการแสดงละครยาว 7 นาทีอันน่าประทับใจ ซึ่งฉากที่หุ่นแสดงนั้นมาจากผลงานคาบูกิชิ้นเอกอันโด่งดังที่รู้จักในชื่อ "ชิระนะมิ โกะนิน โอโทโกะ" (ห้าบุรุษแห่งคลื่นสีขาว)

*(1) 10:00 น. (2) 12:00 น. (3) 13:00 น. (4) 15:00 น. (5) 17:00 น. (5 ครั้งต่อวัน)

ถนนสายช็อปปิ้งมิโซโนะ คาราคุริ

พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยีโตโยต้า

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้รับการจัดเป็นอันดับที่ 1 ใน 20 ของทัวร์ชมโรงงานที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นของ TripAdvisor ติดต่อกันถึง 4 ปีซ้อน
ต้นกำเนิดของกลุ่มบริษัทโตโยต้าสามารถย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นอันแสนเรียบง่ายในอุตสาหกรรมสิ่งทอ ซึ่งซะคิจิ โทโยตะ ผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัท ได้อุทิศชีวิตให้กับการพัฒนาเครื่องทอผ้าขั้นสูง เทคโนโลยีล้ำสมัยของเขามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอของญี่ปุ่น และต่อมา คิอิจิโระ โทโยตะ บุตรชายคนโตของซะคิจิ ได้ต่อยอดมรดกของบิดาโดยมองเห็นอนาคตของบริษัทในการก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ คิอิจิโระปรารถนาที่จะอุทิศตนเพื่อการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ของญี่ปุ่น และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนผ่านการผลิตรถยนต์ ซึ่งด้วยวิสัยทัศน์อันทะเยอทะยานนี้ บริษัทจึงได้เริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่จากศูนย์เพื่อก่อร่างสร้างตัวให้ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญในโลกแห่งการผลิตรถยนต์
พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยีโตโยต้า เป็นสถานที่ที่โดดเด่นที่สร้างขึ้นบนพื้นที่เดียวกับที่ซะคิจิ โทโยตะ เคยพัฒนาเครื่องทอผ้าอัตโนมัติในโรงงานทดสอบ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จัดแสดงเครื่องจักรของจริงรวมถึงการสาธิตที่น่าสนใจซึ่งสะท้อนถึงจิตวิญญาณแห่งการวิจัยและพัฒนาที่ไม่ลดละ ความคิดสร้างสรรค์ที่ไร้ขอบเขต และความสำคัญสูงสุดของการผลิต

หอจัดแสดงเครื่องจักรสิ่งทอ

ที่พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยีโตโยต้า ผู้เข้าชมสามารถชมเครื่องจักรทอผ้าขนาดมหึมาหลายเครื่องที่จัดแสดงเรียงตามลำดับเวลา โดยการจัดแสดงนี้มีไฮไลต์อยู่ที่การพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งและวิวัฒนาการอย่างค่อยเป็นค่อยไปของเครื่องจักรของซะคิจิ โทโยตะ
หนึ่งในสิ่งที่น่าประทับใจที่สุดในพิพิธภัณฑ์คือการได้เห็นการทำงานของเครื่องทอผ้าอัตโนมัติ ไทป์ G ซึ่งเครื่องจักรที่ทอผ้าด้วยจังหวะพลิ้วไหวและมีชีวิตชีวาอันน่าทึ่งนี้ได้รับยกย่องว่าเป็นความสำเร็จทางเทคโนโลยีในยุคนั้น และการชมการทำงานของเครื่องจักรทำให้เราย้อนกลับไปสัมผัสบรรยากาศอันมีชีวิตชีวาที่โรงงานแห่งนี้เคยมีในช่วงเวลานั้น

หอจัดแสดงยานยนต์

หอจัดแสดงยานยนต์ภายในพิพิธภัณฑ์มอบประสบการณ์เหมือนจริงให้แก่ผู้เข้าชม โดยภายในประกอบด้วยการจำลองเครื่องทดสอบวัสดุและโรงงานต้นแบบที่คิอิจิโระ โทโยตะ ใช้ในการวิจัย ไปจนถึงการจำลองกระบวนการผลิตรถยนต์ในปัจจุบัน ด้วยการจัดวางที่สมจริงช่วยให้ผู้เข้าชมรู้สึกเหมือนอยู่ในโรงงานผลิตจริง นิทรรศการเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการสร้างสรรค์ผลงานด้วยตนเองและแก่นแท้ของการผลิต นอกจากนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทุกคนที่เกี่ยวข้องในการรักษาวิสัยทัศน์ของผู้ก่อตั้งและส่งต่อดีเอ็นเอของการผลิตข้ามกาลเวลา

พิพิธภัณฑ์ยานยนต์โตโยต้า

ขอแนะนำให้เผื่อเวลาไว้เยอะๆ สำหรับการเข้าชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เพราะที่นี่เต็มไปด้วยยานยนต์และสิ่งของทางวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์อันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์มากมาย จนแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีเวลาชมสิ่งของทุกสิ่งอย่างเพียงพอ นอกจากนิทรรศการ ร้านค้าของพิพิธภัณฑ์ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ซึ่งมีสินค้าสุดพิเศษมากมายที่หาไม่ได้จากที่อื่น และเพียงแค่เดินชมร้านค้าก็ถือเป็นประสบการณ์ที่เพลิดเพลินแล้ว ส่วนร้านอาหารภายในพิพิธภัณฑ์ก็มีของขึ้นชื่ออย่างแกงกะหรี่พิพิธภัณฑ์ (แกงกะหรี่สำเร็จรูป) และช้อนสแปนเนอร์ (ช้อนรูปประแจ) ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักท่องเที่ยว

แกลลอรียานยนต์

แกลลอรียานยนต์จัดแสดงรถยนต์ชื่อดังประมาณ 140 คันจากญี่ปุ่น ยุโรป และสหรัฐอเมริกา โดยมีคอลเลกชันที่ครอบคลุมตั้งแต่ยานยนต์พลังงานน้ำมันยุคแรกในศตวรรษที่ 19 ไปจนถึงยานยนต์ร่วมสมัย และมีการจัดแสดงรถยนต์รุ่นสำคัญต่างๆ เช่น โตโยต้า โมเดล AA รถยนต์ส่วนบุคคลคันแรกที่ผลิตโดยโตโยต้า, คาดิลแลค เอลโดราโด เบียรริตซ์ รถยนต์หรูหราที่มีความยาวกว่า 5 เมตร, ฟอร์ด มัสแตง รถยนต์ยอดนิยมจากต้นศตวรรษที่ 20 และโตโยต้า 2000GT MF10 รถยนต์ญี่ปุ่นชื่อดัง รถยนต์เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความหรูหราอันโดดเด่นและความสำคัญในประวัติศาสตร์ยานยนต์ และหนึ่งสิ่งที่น่าสังเกตก็คือรถยนต์หลายคันที่จัดแสดงยังคงสามารถใช้งานและขับขี่ได้ ซึ่งยิ่งช่วยเพิ่มมิติใหม่ให้กับประสบการณ์การชมพิพิธภัณฑ์ ในเดือนเมษายน 2022 ได้มีการเปิดมุมนิทรรศการถาวรใหม่ชื่อ “ประวัติศาสตร์การผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่น” บนชั้น 2 ของพิพิธภัณฑ์ ซึ่งนิทรรศการนี้มีขึ้นเพื่อบันทึกประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 70 ปี อันแสดงให้เห็นถึงการเริ่มต้นและพัฒนาการของอุตสาหกรรมยานยนต์ญี่ปุ่น โดยมีผู้ผลิตยานยนต์ 12 รายที่ดำเนินกิจการอยู่ในประเทศเข้าร่วมงาน นิทรรศการนี้เน้นย้ำถึงความพยายามร่วมกันของแต่ละบริษัทในการผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ของญี่ปุ่นไปสู่เวทีระดับโลก

แกลลอรีวัฒนธรรม

ส่วนจัดแสดงวัฒนธรรมยานยนต์ภายในแกลลอรีวัฒนธรรมอยู่ภายใต้แนวคิด "การขับเคลื่อนและวัฒนธรรม" โดยจัดแสดงสิ่งของทางวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์กว่า 4,000 ชิ้น ตั้งแต่โปสเตอร์ ไปจนถึงของเล่นยานยนต์ มาสคอตรถยนต์ และอื่นๆ อีกมากมาย
โซนในพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจโซนหนึ่งคือโซนนิทรรศการที่พาผู้เข้าชมย้อนรอยประวัติศาสตร์ของยานยนต์ผ่านการแสดงรถยนต์จิ๋ว ตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 18 จนถึงปัจจุบัน ราว 800 คัน อีกหนึ่งโซนที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือโซนแสดงคอลเลกชันภาพพิมพ์แกะไม้สีสันสดใส ซึ่งสร้างสรรค์ขึ้นเมื่อกว่า 150 ปีก่อนตั้งแต่สมัยเมจิเป็นต้นไป นอกจากนี้ ยังมีโซนที่พาไปสำรวจวิวัฒนาการของการขนส่งของญี่ปุ่น ตั้งแต่รถม้า รถลาก รถไฟ จนมาเป็นรถยนต์ในท้ายที่สุด และโซนสุดท้ายคือโซนจัดแสดงปกนิตยสารรถยนต์ประมาณ 60 ฉบับจากทั่วทุกมุมโลกที่นำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับวัฒนธรรมยานยนต์อันหลากหลายที่วิวัฒนาการไปทั่วโลก โซนต่างๆ เหล่านี้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้เข้าใจประวัติศาสตร์อันยาวนานและความสำคัญทางวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น

พิพิธภัณฑ์โตโยต้าไคคัง

พิพิธภัณฑ์โตโยต้าไคคัง ในเมืองโทโยตะ จังหวัดไอจิ เป็นศูนย์จัดแสดงนิทรรศการของบริษัท ซึ่งท่านจะได้สัมผัสกับวิธีการที่บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ สร้างสรรค์ความสุขให้กับทุกคน
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้นำเสนอความคิดริเริ่มต่างๆ เช่น เทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยล่าสุด การขับเคลื่อนและการมีส่วนร่วมทางสังคม ผ่านวิดีโอ นิทรรศการ และกิจกรรมแบบมีส่วนร่วม ซึ่งท่านสามารถสัมผัสประสบการณ์หลังพวงมาลัยรถยนต์รุ่นใหม่บนหน้าจอได้ตลอดเวลา

1) ทัวร์ชมพิพิธภัณฑ์
วันและเวลา: จันทร์ถึงเสาร์ เวลา 14:00 น.
ราคา: ฟรี
จำนวนผู้เข้าร่วม: 20 คน ตามลำดับก่อนหลัง
ระยะเวลา: ประมาณ 30 นาที

2) สัมผัสประสบการณ์จำลองด้านความปลอดภัย
วันและเวลา: จันทร์ถึงเสาร์ เวลา 9:45 - 16:15 น. *ต้องจองล่วงหน้าในวันเข้าชม
ราคา: ฟรี
ระยะเวลา: ประมาณ 10 นาที
* ต้องมีความสูงมากกว่า 150 ซม. และน้ำหนักน้อยกว่า 100 กก.

3) สัมผัสประสบการณ์ขับรถ C+walk T
วันและเวลา: จันทร์ถึงศุกร์ เวลา 13:45 - 15:30 น.
* ตามลำดับก่อนหลังจนกว่าจะเต็ม
ราคา: ฟรี
ระยะเวลา: 5 นาทีสำหรับการทดลองขับเท่านั้น (รวมเวลาบรรยาย)
15 นาทีสำหรับทัวร์ชมพิพิธภัณฑ์ (รวมเวลาบรรยาย)
* ต้องมีความสูงมากกว่า 140 ซม. และไม่เกิน 185 ซม. และน้ำหนักน้อยกว่า 100 กก.

* ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของพิพิธภัณฑ์

พิพิธภัณฑ์การรถไฟ SCMAGLEV

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ภูมิใจนำเสนอคอลเลกชันรถไฟ 39 แบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถไฟชินคันเซ็นสายโทไคโดอันเลื่องชื่อ เส้นทางรถไฟความเร็วสูงสายนี้เชื่อมต่อโตเกียวและโอซาก้า แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมรถไฟของญี่ปุ่น นอกจากนี้ พิพิธภัณฑ์ยังจัดแสดงรถไฟประเภทอื่นๆ อีกมากมาย รวมถึงรถไฟทั่วไปและรถไฟที่ลอยอยู่เหนือรางแม่เหล็กตัวนำยิ่งยวดแม็กเลฟ (Superconducting Magnetically Levitated Vehicle: SC Maglev) ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนาในญี่ปุ่น ผ่านนิทรรศการและกิจกรรมสัมผัสประสบการณ์แบบมีส่วนร่วม พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะสร้างความเข้าใจอย่างครบถ้วนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของทางรถไฟของญี่ปุ่น วิวัฒนาการของเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูง และความพยายามอย่างต่อเนื่องในการยกระดับความปลอดภัยและประสิทธิภาพของรถไฟ

หนึ่งในกิจกรรมสัมผัสประสบการณ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้คือ เครื่องจำลองที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้นั่งบนที่นั่งคนขับจริงและควบคุมรถไฟชินคันเซ็น รุ่น N700 เพื่อจำลองประสบการณ์การขับรถไฟความเร็วสูง กิจกรรมที่น่าตื่นตาตื่นใจนี้จะมอบประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นให้กับผู้เข้าชมในการสัมผัสความเร็วและสมรรถนะอันน่าทึ่งของรถไฟ รุ่น N700 ส่วนอีกหนึ่งไฮไลต์ของพิพิธภัณฑ์คือรถไฟแม็กเลฟ (SC Maglev) ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงศักยภาพทางเทคโนโลยีของญี่ปุ่น โดยผู้เข้าชมสามารถเยี่ยมชมโรงภาพยนต์ขนาดเล็กเพื่อสัมผัสความรู้สึกของการเดินทางด้วยความเร็วอันน่าทึ่งถึง 500 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่จะมอบประสบการณ์แห่งอนาคตของการโดยสารด้วยความเร็วสูง

ยังมีสิ่งอื่นๆ อีกมากมายให้ได้เพลิดเพลินที่นี่ ว่าแต่เคยได้ยินคำว่า "เอคิเบ็น" ไหม?
"เอคิเบ็น" หมายถึงอาหารกล่องที่หาซื้อได้ตามสถานีรถไฟและบนรถไฟในญี่ปุ่น อาหารเหล่านี้มีความสำคัญมากกว่าการเป็นเพียงแค่อาหารหลักระหว่างการเดินทาง แต่ยังถือเป็นสิ่งพิเศษสำหรับชาวญี่ปุ่นอีกด้วย
เอคิเบ็นของแต่ละภูมิภาคถูกปรุงด้วยวัตถุดิบท้องถิ่น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความอร่อยอันเป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่นั้นๆ อีกทั้งเอคิเบ็นยังช่วยเพิ่มความตื่นเต้นให้กับประสบการณ์การเดินทางอีกด้วย
เอคิเบ็นมีจำหน่ายที่ร้านค้าของพิพิธภัณฑ์เพื่อให้ท่านสามารถลองชิมได้ด้วยตัวเอง ซึ่งท่านสามารถรับประทานได้ที่บริเวณจุดพักผ่อน หรือในตู้รถไฟ รุ่น N700 ที่จัดแสดงอยู่กลางแจ้ง
นอกจากนี้ ร้านค้าของพิพิธภัณฑ์ยังเป็นที่รู้จักจากสินค้ายอดนิยมของรถไฟชินคันเซ็นสีเหลืองอันโด่งดัง "ด็อกเตอร์ เยลโล่" ซึ่งแม้ว่ารถไฟรุ่นนี้จะไม่ได้ออกแบบมาเพื่อการขนส่งผู้โดยสาร แต่ก็มีบทบาทสำคัญในการบำรุงรักษาระบบรถไฟด้วยการตรวจสอบความบิดเบี้ยวของรางและการวัดกระแสสัญญาณ จากการที่รถไฟด็อกเตอร์ เยลโล่ไม่ได้ปรากฏตัวบ่อยนัก หลายคนจึงมองว่าการได้เห็นรถไฟด็อกเตอร์ เยลโล่ เป็นเรื่องโชคดี ด้วยเหตุนี้ สินค้าของด็อกเตอร์ เยลโล่ จึงเป็นที่ต้องการอย่างมากในหมู่นักท่องเที่ยว และทำให้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการซื้อเป็นของที่ระลึกที่น่าจดจำของพิพิธภัณฑ์

พิพิธภัณฑ์การบินไอจิ

พิพิธภัณฑ์การบินไอจิเปิดทำการที่สนามบินนาโกย่าในปี 2017 และกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่จุดประกายความมหัศจรรย์และความสงสัยเกี่ยวกับท้องฟ้า ด้วยนิทรรศการที่หลากหลายและโปรแกรมที่น่าสนใจ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้เรียนรู้และสัมผัสถึงความสำคัญของการบิน
จุดเด่นของพิพิธภัณฑ์คือเครื่องบิน YS-11 อันเลื่องชื่อที่มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์การบินของญี่ปุ่น ในฐานะเครื่องบินพาณิชย์ลำแรกที่พัฒนาขึ้นในญี่ปุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2

ที่พิพิธภัณฑ์ ผู้เข้าชมมีโอกาสก้าวเข้าสู่เครื่องจำลองการบิน YS-11 และสัมผัสประสบการณ์การขับเครื่องบินเสมือนจริง เครื่องจำลองการบินนี้ช่วยให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมสวมบทบาทเป็นนักบินและนำทางผ่านขั้นตอนต่างๆ ของการบิน ทั้งการขึ้นบิน การบิน และการลงจอด โดยสามารถควบคุมคันบังคับและคันโยก 3 คัน ได้แก่ คันเร่ง คันควบคุมแฟลป และคันโยกลงจอด
ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะได้รับมอบหมายให้บินขึ้นจากสนามบินนาโกย่า รักษาระดับความสูงตามที่ต้องการระหว่างการบิน จนกระทั่งสามารถลงจอดที่สนามบินฟุกุโอกะได้สำเร็จ โดยปฏิบัติตามคำแนะนำทางเสียงและบนหน้าจอ การจำลองนี้เน้นย้ำให้เห็นถึงความปลอดภัยตลอดระยะเวลา และหลังจากลงจอดแล้ว ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะได้รับการประเมินผลงานตั้งแต่ระดับ 1 ถึง 5 เพื่อกระตุ้นให้เกิดความมุ่งมั่นไปสู่การบินที่ไร้ข้อผิดพลาด และสวมบทบาทเป็นนักบินผู้เชี่ยวชาญ

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้นำเสนอประสบการณ์เสมือนจริงสุดระทึกที่เรียกว่า "ฟลายอิ้ง บ็อกซ์" (Flying Box) ที่ให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสประสบการณ์เสมือนจริงเหนือสถานที่ทางธรรมชาติและเมืองต่างๆ ทั่วจังหวัดไอจิ ผ่านจอภาพขนาดใหญ่และที่นั่งแบบเคลื่อนย้ายได้
โรงภาพยนตร์แห่งนี้ฉายเที่ยวบินชมวิว 3 เที่ยวบิน เที่ยวบินละ 7 นาที ได้แก่ เที่ยวบินธรรมชาติที่จะพาท่านไปชมพื้นที่ธรรมชาติอันมีชีวิตชีวา เที่ยวบินประวัติศาสตร์ที่จะพาท่านไปชมวิวัฒนาการของเครื่องบิน และเที่ยวบินแฟนคลับที่จะพาท่านไปชมสถานที่ยอดนิยมต่างๆ ในจังหวัดไอจิ
นอกจากนี้ ท่านยังสามารถขึ้นไปบนดาดฟ้าเพื่อดูเครื่องบินขึ้นและลงจอดต่อหน้าท่านได้อีกด้วย! ผ่อนคลายบนเปลญวนพร้อมชมช่วงเวลาที่เครื่องบินขึ้นลงบนรันเวย์ นับเป็นวิวทิวทัศน์อันงดงามที่ยากจะละสายตา

ไฟลท์ออฟดรีม (FLIGHT OF DREAMS)

พื้นที่การค้าแห่งนี้อยู่ภายในท่าอากาศยานนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์ และสามารถเข้าชมได้ฟรี

"ไฟลท์ปาร์ค" (FLIGHT PARK) มอบประสบการณ์อันน่าประทับใจแก่ผู้ที่ชื่นชอบการบิน ด้วยการเปิดโอกาสให้สัมผัสกับเครื่องบินโบอิ้ง 787 ลำแรกอย่างใกล้ชิด ซึ่งผู้เข้าชมจะตื่นตาตื่นใจไปกับการออกแบบอันน่าประทับใจของเครื่องบิน และการสำรวจห้องนักบินและเครื่องยนต์ก็จะทำให้สัมผัสได้ถึงความซับซ้อนของเทคโนโลยีการบินอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีแหล่งข้อมูลมากมาย ทั้งวิดีโอ สื่อการเรียนรู้ และสื่ออื่นๆ ที่จะพาท่านดำดิ่งสู่โลกแห่งการบินและเครื่องบินอันน่าหลงใหล นอกจากนี้ โซนเด็กภายในไฟลท์ปาร์คยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลักสำหรับเด็กอายุ 0-12 ปี ซึ่งภายในมีเครื่องเล่นสำหรับเด็กเพื่อให้ได้สนุกสนานและปลดปล่อยจินตนาการอย่างเต็มที่ พร้อมดื่มด่ำไปกับเครื่องบินลำมหึมาที่อยู่ใกล้ๆ

นอกจากนี้ ที่ชั้น 2 และ 3 ยังมีศูนย์อาหารพร้อมร้านอาหารจากซีแอตเทิลที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่สถานที่ก่อกำเนิดโบอิ้ง โดยผู้เข้าชมสามารถรับประทานอาหารพร้อมกับชมวิวเครื่องบินลำมหึมาที่อยู่ใกล้เคียงอย่างใกล้ชิด

พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์เมืองนาโกย่า

ท้องฟ้าจำลองที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งนี้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่มีชื่อเสียงจากการจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวอย่างพิถีพิถัน ด้วยโดมขนาด 35 เมตร ทำให้ที่นี่ได้รับการบันทึกสถิติโลกกินเนสส์ว่าเป็นท้องฟ้าจำลองที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางภายในที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ ภัณฑารักษ์ของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะให้ข้อมูลดาราศาสตร์แบบเรียลไทม์ รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับดวงดาวและกลุ่มดาวที่จะปรากฏให้เห็นในวันที่ท่านเข้าชม

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังมีชื่อเสียงจากห้องทดลองทอร์นาโด ห้องทดลองปล่อยประจุไฟฟ้า และห้องทดลองเยือกแข็ง
ภายในห้องทดลองทอร์นาโด กระแสลมวนที่ก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ จะทำปฏิกิริยากับกระแสลมหมุนและกระแสลมพัดขึ้นอันทรงพลัง และก่อให้เกิดเป็นพายุทอร์นาโด การได้สัมผัสกับปรากฏการณ์อันน่าจดจำท่ามกลางพายุทอร์นาโดที่ลอยขึ้นและหมุนวนราวกับมังกรทรงพลังเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจอย่างแท้จริง
ห้องทดลองปล่อยประจุไฟฟ้าประกอบด้วยขดลวดเทสลา 2 แท่งสูงตระหง่าน สร้างประกายไฟฟ้าอันทรงพลัง 1.2 ล้านโวลต์ พร้อมกับเกิดเสียงจากการปลดปล่อยประจุไฟฟ้า พลังงานมหาศาลจากดอกไม้ไฟไฟฟ้าเหล่านี้จะทำให้ท่านประหลาดใจทุกครั้ง!
ส่วนที่ห้องทดลองเยือกแข็ง ท่านจะได้สัมผัสกับความหนาวเย็นสุดขั้วที่อุณหภูมิ -30°C เป็นเวลา 5 นาที ลองมาพิสูจน์ด้วยตัวเองว่ามันหนาวพอที่จะทำให้แม้แต่ผมของท่านแข็งได้หรือไม่

แนะนำ

/

PAGETOP