บ้านเกิดซามูไร | คอลัมน์ | อเมซิ่งไอจิ ญี่ปุ่น

อเมซิ่งไอจิ ญี่ปุ่น

บ้านเกิดซามูไร

ไอจิ บ้านเกิดของเหล่าขุนพล

PREV

/

NEXT

  • บ้านเกิดซามูไร
  • บ้านเกิดซามูไร
  • บ้านเกิดซามูไร
  • บ้านเกิดซามูไร
  • บ้านเกิดซามูไร
  • บ้านเกิดซามูไร
  • บ้านเกิดซามูไร
  • บ้านเกิดซามูไร
  • บ้านเกิดซามูไร
  • บ้านเกิดซามูไร

PREV

NEXT

/

  • Battle of Okehazama
  • Kiyosu Castle
  • Kiyosu Castle
  • Kiyosu Castle
  • Kiyosu Castle
  • Komakiyama Castle
  • Komakiyama Castle
  • Komakiyama Castle
  • Komakiyama Castle
  • National Treasure Inuyama Castle
  • National Treasure Inuyama Castle
  • National Treasure Inuyama Castle
  • National Treasure Inuyama Castle
  • Atsuta Jingu Shrine
  • Atsuta Jingu Shrine
  • Atsuta Jingu Shrine
  • Atsuta Jingu Shrine
  • Okazaki Castle
  • Okazaki Castle
  • Okazaki Castle
  • Okazaki Castle
  • Nagoya Castle
  • Nagoya Castle
  • Nagoya Castle
  • Nagoya Castle
  • Daiju-ji Temple
  • Daiju-ji Temple
  • Daiju-ji Temple
  • Daiju-ji Temple
  • Tokugawa Art Museum
  • Tokugawa Art Museum
  • Tokugawa Art Museum
  • Tokugawa Art Museum
  • Tokugawaen Garden
  • Tokugawaen Garden
  • Tokugawaen Garden
  • Tokugawaen Garden
  • Horaisan Toshogu Shrine
  • Horaisan Toshogu Shrine
  • Horaisan Toshogu Shrine
  • Horaisan Toshogu Shrine
  • Matsudaira Toshogu Shrine
  • Matsudaira Toshogu Shrine
  • Matsudaira Toshogu Shrine
  • Matsudaira Toshogu Shrine

เพิ่มเติม

จังหวัดไอจิ ใจกลางประเทศญี่ปุ่น มีความสำคัญอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์ยุคซามูไร โดยภูมิภาคนี้เคยผ่านสมรภูมิรบอันยิ่งใหญ่ อีกทั้งยังเป็นบ้านเกิดของบุคคลสำคัญในยุคซามูไร ทั้งโอดะ โนบุนากะ, โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ และโทคุกาวะ อิเอะยะสุ ซึ่งได้รับยกย่องว่าเป็นสามผู้รวมชาติที่มีบทบาทสำคัญในการกำหนดชะตาของประเทศญี่ปุ่น

จังหวัดไอจิเต็มไปด้วยตำนานและเรื่องเล่าขานของนักรบซามูไรจากการต่อสู้ฝ่าฟันจนมีชื่อเสียงโด่งดังในประเทศ ดื่มด่ำเรื่องราวของพวกเขาและสัมผัสประสบการณ์ตรงจากดินแดนที่หล่อหลอมเหล่าขุนพลเหล่านี้

สารบัญ

เพื่อระลึกถึงการเยือนปราสาทของท่าน...
ลองสะสมโกะโจอิน!

เพื่อเป็นการระลึกถึงการเยือนปราสาท เราจะขอแนะนำให้ท่านสะสมโกะโจอิน ซึ่งเป็นตราประทับพิเศษที่มีตามปราสาทต่างๆ ตราประทับอันเป็นเอกลักษณ์เหล่านี้ระบุชื่อปราสาทและตราสัญลักษณ์หรือตราประจำตระกูลของขุนพลผู้ปกครองไว้บนกระดาษญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม การสะสมโกะโจอินเปรียบเสมือนของที่ระลึกอันล้ำค่าที่บันทึกความทรงจำในการมาเยือนปราสาทของท่านไว้อย่างลึกซึ้ง

โอดะ โนบุนากะ ซามูไรที่มีชื่อเสียงที่กำเนิดในจังหวัดไอจิ ผู้เป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมญี่ปุ่น

เรื่องราวอันมีเสน่ห์ของเขาเป็นแรงบันดาลใจให้กับการ์ตูนและภาพยนตร์มากมาย ซึ่งดึงดูดความสนใจของชาวญี่ปุ่นได้มากกว่าบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์คนอื่นๆ
สิ่งที่ทำให้โนบุนากะโดดเด่นและมีเสน่ห์น่าดึงดูดคือความสามารถในการท้าทายบรรทัดฐานทางสังคมและนำพาประเทศไปสู่ยุคสมัยใหม่

โนบุนากะได้ปฏิวัติแนวคิดเรื่องปราสาท จากแต่เดิมที่ใช้เพื่อการป้องกัน ให้กลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจ โดยเขานำเสนอการออกแบบปราสาทอันเป็นเอกลักษณ์ด้วยกำแพงหินสูงตระหง่านและสงวนชั้นบนสุดไว้สำหรับขุนนาง นวัตกรรมทางสถาปัตยกรรมเหล่านี้ทำให้เขาสามารถแสดงอำนาจในฐานะผู้ปกครองญี่ปุ่นและสร้างชื่อเสียงอันแข็งแกร่งไปทั่วแผ่นดิน นอกจากนี้ วิสัยทัศน์ของโนบุนากะยังแผ่ขยายออกไปไกลกว่าตัวปราสาท โดยเขาพัฒนาเมืองที่เจริญรุ่งเรืองรอบปราสาท และดำเนินนโยบายเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงทักษะความเป็นผู้นำอันโดดเด่น และนำพาไปสู่ยุคสมัยใหม่แห่งความก้าวหน้า

ส่วนในด้านการรบ โนบุนากะได้แสดงกลยุทธ์อันชาญฉลาด และโชคก็มักจะเข้าข้างเขาอย่างเหลือเชื่อ
หนึ่งในตัวอย่างคือ การรบในสมรภูมิโอะเคะฮะสะมะในปี 1560 เมื่อโนบุนากะซึ่งขณะนั้นมีอายุเพียง 27 ปี และเป็นเพียงผู้นำของแคว้นเล็กๆ ได้เผชิญหน้ากับขุนพลอิมากะวะ โยชิโมโตะ ผู้มีชื่อเสียง ซึ่งบัญชาการกองทัพขนาดใหญ่กว่าหลายเท่า
แม้ในช่วงเริ่มแรก เขาจะถูกกดดันจากข้าศึกจนเกือบพ่ายแพ้ แต่โนบุนากะก็สามารถฉวยโอกาสตอนที่ฝนตกหนักด้วยความแม่นยำทางยุทธศาสตร์ โดยเขาเปิดฉากโจมตีสายฟ้าแลบไปยังค่ายหลักของข้าศึก ทำให้โยชิโมโตะไม่ทันได้ระวังตัว และนำไปสู่ชัยชนะอย่างท้วมท้น
ตลอดช่วงชีวิตของเขา โนบุนากะแสดงให้เห็นถึงความเยือกเย็นและไหวพริบทางยุทธศาสตร์อย่างมั่นคงเมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก ความสำเร็จอันโดดเด่นและความเป็นตำนานทำให้เขากลายเป็นวีรบุรุษที่ได้รับการยกย่องในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น และได้รับการชื่นชมในความกล้าหาญ ความเป็นผู้นำ และความสามารถในการกำหนดทิศทางของชาติ

ชีวิตของโอดะ โนบุนากะ (1534-1582)

โอดะ โนบุนากะ ไดเมียวผู้มีชื่อเสียงในยุคศักดินาของญี่ปุ่น ได้อุทิศตนเพื่อการรวมชาติ จนในที่สุดก็สามารถสถาปนาการปกครองในพื้นที่สำคัญบนเกาะฮนชู ซึ่งเป็นเกาะหลักได้สำเร็จในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 16

เช่นเดียวกับบุคคลผู้ยิ่งใหญ่หลายคน เช่น เอดิสันและนิวตัน โนบุนากะมีนิสัยไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด และมักสร้างความตกอกตกใจให้กับคนรอบข้างด้วยพฤติกรรมที่แหวกแนวของเขาในช่วงวัยหนุ่ม จนได้รับฉายาว่า "โอวาริ-โนะ-อุตสึเคะ" หรือ "คนโง่แห่งโอวาริ" อย่างไรก็ตาม โนบุฮิเดะ บิดาของเขาก็ยังมองเห็นถึงคุณสมบัติอันไม่มีใครเหมือนของเขาตั้งแต่ยังเด็ก

โนบุนากะได้รับชัยชนะในสนามรบหลายครั้งทำให้อำนาจและอิทธิพลของเขาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เขาเกือบสามารถรวมประเทศให้เป็นหนึ่งเดียวได้นั้น เขากลับต้องเผชิญกับการทรยศหักหลังจากอาเคะจิ มิตสึฮิเดะ ผู้ติดตามคนหนึ่งของเขา โดยโนบุนากะถูกลอบทำร้ายอย่างกะทันหันที่วัดฮนโนจิในเกียวโต ก่อนถูกบังคับให้จบชีวิตตัวเอง เป็นเวลาเนิ่นนานที่บันทึกทางประวัติศาสตร์พรรณนาถึงโนบุนากะว่าเป็นบุคคลที่โหดเหี้ยมและแปลกประหลาด อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาเมื่อไม่นานมานี้ชี้ให้เห็นด้านที่แสดงถึงลักษณะนิสัยที่สุภาพ อ่อนโยน และกล้าหาญ ซึ่งทำให้เข้าใจในความเป็นตัวเขาได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น

สถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับโนบุนากะ

ปราสาทคิโยสึ

คิโยสึ สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ในเรื่องราวของโนบุนากะ มีความสำคัญอย่างยิ่งในฐานะเมืองอุตสาหกรรมที่เจริญรุ่งเรืองในอดีต โนบุนากะปกครองปราสาทคิโยสึตั้งแต่เขาอายุ 21 ไปจนอายุ 30 ปี และประสบความสำเร็จในการรวมจังหวัดโอวาริให้เป็นหนึ่งเดียวในสมัยของเขา
ตัวปราสาทที่สร้างในคิโยสึนี้ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ในปี 1989 และปัจจุบันจัดแสดงนิทรรศการมากมายที่เผยให้เห็นวิถีชีวิตของทั้งเมืองและซามูไรในยุคนั้น
ภายในตัวปราสาท นักท่องเที่ยวมีโอกาสอันน่าตื่นเต้นในการลองสวมชุดเกราะที่ซามูไรสวมใส่ในการต่อสู้ ประสบการณ์อันน่าประทับใจนี้ได้รับความนิยมอย่างสูงในหมู่นักท่องเที่ยว และที่สำคัญที่สุดคือการที่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ฟรี (ต้องเสียค่าเข้าชมปราสาท) โดยท่านสามารถสวมชุดเกราะทับเสื้อผ้าพร้อมหมวกเกราะ โพสท่า และเก็บภาพที่ระลึกตอนเป็นนักรบซามูไรอันน่าจดจำ

มีโกะโจอิน
มีจำหน่ายที่คิโยสึ ฟุรุซะโตะ-โนะ-ยะคะตะ ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของปราสาทริมแม่น้ำโกโจ (300 เยน)

ปราสาทโคมากิยามะ

ปราสาทโคมากิยามะที่สร้างโดยโอดะ โนบุนากะ เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความทะเยอทะยานของเขาในการพิชิตจังหวัดมิโนะที่อยู่ใกล้เคียง สิ่งที่ทำให้ปราสาทแห่งนี้โดดเด่นคือการก่อสร้างอันล้ำสมัยด้วยหิน ซึ่งแตกต่างไปจากปราสาทดินแบบดั้งเดิมในยุคนั้น ในฐานะปราสาทหินแห่งแรกในภูมิภาค ปราสาทโคมากิยามะได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์ด้วยความสำคัญทางประวัติศาสตร์และนวัตกรรมทางสถาปัตยกรรม
แม้ว่าปราสาทโคมากิยามะจะถูกทิ้งร้างหลังจากผ่านไปเพียง 4 ปี แต่ปราสาทแห่งนี้ยังคงมีความสำคัญยิ่งในช่วงสมรภูมิโคมากิและนากะคุเทะที่โทคุกาวะ อิเอะยะสุ และโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ปะทะกัน โดยอิเอะยะสุเลือกพื้นที่แห่งนี้เป็นจุดบัญชาการหลักโดยอาศัยประโยชน์จากทำเลที่ตั้งอันเป็นยุทธศาสตร์ของปราสาท ส่วนในสมัยเอโดะ ตระกูลโอวาริโทคุกาวะซึ่งมีความสัมพันธ์กับอิเอะยะสุ ได้ปกป้องพื้นที่แห่งนี้ไว้ ต่อมา เนื่องจากการเข้าไปในภูเขานั้นถูกห้ามเพื่อรักษาคูน้ำและคันดินไว้ ทำให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็นโบราณสถานอันล้ำค่าสำหรับการวิจัยสถาปัตยกรรมปราสาทญี่ปุ่น
ปัจจุบัน พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ภูเขาโคมากิซึ่งจำลองจากหอคอยปราสาทที่ตั้งอยู่บนยอดเขา มอบทัศนียภาพอันงดงามของเมืองจากชั้นบนสุด ในขณะที่สำรวจภูเขา ท่านจะได้ดื่มด่ำกับความงามของธรรมชาติที่โอบล้อมโดยรอบ พร้อมกับทิวทัศน์และเสียงของบรรยากาศอันเงียบสงบแห่งนี้

มีโกะโจอิน
มีจำหน่ายที่ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวโคมากิ เอกิมะเอะ (300 เยน)

ปราสาทอินุยามะ สมบัติประจำชาติ

ปราสาทอินุยามะ สมบัติประจำชาติ ตั้งตระหง่านเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ปราสาทที่สร้างขึ้นในปี 1537 โดยโอดะ โนบุยาสุ ลุงของโอดะ โนบุนากะ ยังคงรักษารูปแบบสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นไว้จวบจนปัจจุบัน และแม้จะยังรักษาส่วนที่แสดงให้เห็นถึงบทบาททางการทหารในการป้องกันและตอบโต้เอาไว้ แต่ห้องชั้นในของปราสาทก็ได้เปิดให้ผู้มาเยือนสามารถสำรวจและเข้าชมความงดงาม อีกทั้งยังสามารถขึ้นไปยังชั้นบนสุดของตัวปราสาทเพื่อดื่มด่ำกับทัศนียภาพอันตระการตาของแม่น้ำคิโซะอันยิ่งใหญ่และทิวทัศน์ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของเมืองที่อยู่ด้านล่างได้อีกด้วย ถนนเมืองเก่าที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้โดยรอบปราสาทสร้างบรรยากาศที่ชวนให้นึกถึงยุคซามูไร และยิ่งเพิ่มประสบการณ์อันน่าหลงใหลในการมาเยือน

มีโกะโจอิน
มีจำหน่ายที่ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวปราสาทอินุยามะ (300 เยน)

ศาลเจ้าอัตสึตะจิงกู

ศาลเจ้าอัตสึตะจิงกูได้รับการยกย่องอย่างสูงเทียบเท่ากับศาลเจ้าอิเสะจิงกู ในฐานะหนึ่งในศาลเจ้าที่ได้รับการเคารพนับถือมากที่สุดในญี่ปุ่น ศาลเจ้าแห่งนี้มีความสำคัญยิ่งต่อโนบุนากะที่แสวงหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์และขอพรให้ได้รับชัยชนะก่อนจะเข้าร่วมในสงครามใหญ่ ด้วยสำนึกในชัยชนะที่ได้รับ เขาจึงได้สร้างกำแพงโนบุนากะ ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างอันเป็นสัญลักษณ์ที่สร้างขึ้นจากกระเบื้องหลังคาคะวะระเรียงซ้อนกัน และยังคงสภาพสมบูรณ์มาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งนี่เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงการอุทิศตนและเป็นมรดกแห่งสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของเขาที่มีต่อศาลเจ้าแห่งนี้อย่างยาวนาน
สภาพแวดล้อมอันเงียบสงบของศาลเจ้าอัตสึตะจิงกูที่เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจีมอบความผ่อนคลายจากความวุ่นวายและอากาศบริสุทธิ์ และเมื่อเข้าไปยังศาลเจ้าหลัก ท่านจะถูกสะกดไว้ด้วยความสง่างามของสถานที่ ในการสวดมนต์ ให้ใส่เงินลงในกล่องบริจาค โค้งคำนับ 2 ครั้ง ปรบมือ 2 ครั้ง อธิษฐาน และโค้งคำนับอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบเช่นนี้ ท่านอาจสัมผัสได้ถึงความเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับพลังอันลึกลับที่จับต้องไม่ได้ของศาลเจ้า

โทคุกาวะ อิเอะยะสุ ผู้สร้างยุคแห่งสันติภาพปราศจากสงคราม

ยุคเอโดะตั้งแต่ปี 1603 ถึง 1868 ถือเป็นช่วงสุดท้ายของยุคซามูไรอันยาวนานราว 300 ปี โดยยุคนี้ถือเป็นยุคแห่งการก่อกำเนิดสังคมศักดินาที่โชกุนปกครองด้วยอำนาจเบ็ดเสร็จ ในขณะที่ไดเมียวผู้อยู่ภายใต้การควบคุมอย่างใกล้ชิดของรัฐบาลโชกุนจะถูกส่งไปดูแลตามแว่นแคว้นต่างๆ โดยระบบนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อลดความขัดแย้งและนำพาไปสู่ยุคสมัยแห่งความสงบสุข ซึ่งเป็นที่รู้จักในนามช่วงเวลาแห่งสันติภาพอันยาวนาน

ในยุคนี้เองที่ภาพอุกิโยะเอะ โลกที่มีชีวิตชีวาของคาบูกิ และศิลปะการปรุงอาหารอย่างซูชิได้รับการพัฒนาขึ้น ยุคเอโดะถือเป็นหน้าประวัติศาสตร์อันสำคัญของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นจุดกำเนิดองค์ประกอบทางวัฒนธรรมมากมายที่สืบทอดกันมาหลายศตวรรษ

โทคุกาวะ อิเอะยะสุ ซามูไรผู้ยิ่งใหญ่จากจังหวัดไอจิ มีบทบาทสำคัญในการสร้างยุคแห่งสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองในญี่ปุ่น ในฐานะหนึ่งในสามผู้รวมชาติเคียงข้างโอดะ โนบุนากะ และโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ความสามารถในการวางกลยุทธ์และทักษะความเป็นผู้นำของอิเอะยะสุทำให้เขาโดดเด่น และหลังจากยุคของฮิเดโยชิ อิเอะยะสุได้ก้าวขึ้นสู่อำนาจและรวมชาติญี่ปุ่นให้เป็นหนึ่งเดียวภายใต้การปกครองของเขาได้สำเร็จ

ชีวิตของโทคุกาวะ อิเอะยะสุ (1542-1616)

โทคุกาวะ อิเอะยะสุ เป็นผู้ก่อตั้งและเป็นโชกุนคนแรกของรัฐบาลโชกุนเอโดะที่ปกครองญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 1603 ไปจนกระทั่งการปฏิรูปเมจิในปี 1868 อิเอะยะสุเติบโตมาในยุคแห่งความขัดแย้งทางการทหารอันวุ่นวาย เขาจึงต้องจากบิดามารดามาตั้งแต่อายุยังน้อยเพื่อทำตามสัญญาทางการเมืองที่ครอบครัวสัญญาไว้ และใช้ชีวิตเป็นตัวประกันเป็นเวลาถึง 11 ปี ในช่วงเวลานี้เองที่เขาได้หล่อหลอมบุคลิกภาพที่อดทนและรอบคอบ และในเวลาไม่นานนัก โนบุนากะและฮิเดโยชิก็สังเกตเห็นถึงความสามารถของเขา และได้กลายมาเป็นพันธมิตรกัน ก่อนแต่งตั้งให้เขาเป็นขุนนาง

หลังจากฮิเดโยชิเสียชีวิต การแย่งชิงอำนาจได้ปะทุขึ้นระหว่างหมู่ไดเมียว ซึ่งนำไปสู่การเผชิญหน้าอย่างเด็ดขาดระหว่างโทคุกาวะ อิเอะยะสุ และอิชิดะ มิตสึนาริ ผู้นำฝ่ายปกป้องรัฐบาลโทโยโทมิ ความขัดแย้งนี้เองที่นำไปสู่สมรภูมิเซกิกาฮาระ ซึ่งกองทัพฝ่ายตะวันออกที่นำโดยอิเอะยะสุ ปะทะกับกองทัพฝ่ายตะวันตกที่นำโดยมิตสึนาริ ท้ายที่สุด อิเอะยะสุได้รับชัยชนะและได้รับแต่งตั้งให้เป็นโชกุนโดยราชสำนักในปี 1603 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของรัฐบาลโชกุนเอโดะ

สถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับอิเอะยะสุ

ปราสาทโอคาซากิและสวนโอคาซากิ

ปราสาทโอคาซากิเป็นสถานที่กำเนิดของโทคุกาวะ อิเอะยะสุ หอคอยปราสาทที่ได้รับการบูรณะในปี 1959 สะท้อนภาพลักษณ์ของยุคซามูไรได้อย่างสมบูรณ์ และปัจจุบันได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ที่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชม นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์มิคาวะ บุชิ และอิเอะยะสุ ภายในสวนโอคาซากิ เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับซามูไรในยุคนั้น นอกจากนี้ยังสามารถลองสวมหมวกซามูไรและถือดาบคาตานะที่จะทำให้รู้สึกน้ำหนักที่แท้จริง รวมถึงสัมผัสวัตถุที่ใช้ในการต่อสู้ในยุคซามูไรได้อีกด้วย

มีโกะโจอิน
มีจำหน่ายที่ร้านค้าของปราสาทหรือทางไปรษณีย์ (300 เยน)

ปราสาทนาโกย่า

ปราสาทนาโกย่า ที่เดิมสร้างขึ้นในปี 1615 ตามคำสั่งของโยชินาโอะ บุตรชายคนที่ 9 ของโทคุกาวะ อิเอะยะสุ เป็นสัญลักษณ์ของมรดกตกทอดของตระกูลโอวาริโทคุกาวะ 16 รุ่น ตลอดระยะเวลากว่า 260 ปี แม้จะถูกทำลายจากการโจมตีทางอากาศในสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ปราสาทแห่งนี้ก็ได้รับการบูรณะอย่างพิถีพิถันด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก นอกจากนี้ พระราชวังฮมมารุ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ประทับของผู้ปกครองแคว้นและเป็นศูนย์กลางการปกครอง ได้รับการบูรณะให้กลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่อลังการดังเดิม แสดงให้เห็นถึงศิลปะอันวิจิตรงดงามให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมนับตั้งแต่สร้างเสร็จในปี 2018

ภายในบริเวณปราสาทนาโกย่า ท่านจะมีโอกาสพิเศษในการพบกับขุนพลในตำนานและนินจาฝีมือฉกาจแห่งโอวาริจากยุคสงครามกลางเมืองที่จะกลับขึ้นมามีชีวิตอีกครั้ง บุคคลชื่อก้องเหล่านี้จะให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นแก่นักท่องเที่ยว รวมถึงให้คำแนะนำ และยินดีถ่ายภาพเป็นที่ระลึกอีกด้วย ส่วนในวันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ โปรดเตรียมตัวรับชมการแสดงซามูไรและนินจาอันเข้มข้น ซึ่งจะแสดงทักษะอันน่าทึ่งของพวกเขา

มีโกะโจอิน
มีจำหน่ายที่ร้านค้าใกล้ประตูหลัก ภายในสวนด้านใน หรือที่โกดังที่สาม (300 เยน)

วัดไดจูจิ

วัดไดจูจิเป็นสถานที่ที่พลิกชะตาของอิเอะยะสุ โดยเมื่อตอนอายุ 19 ปี เขาถูกศัตรูไล่ล่าและหลบหนีไปยังวัดไดจูจิ ในขณะที่กำลังจะปลิดชีพตนเองต่อหน้าหลุมศพบรรพบุรุษ เจ้าอาวาสได้บอกเขาว่า เขามีหน้าที่ที่จะเปลี่ยนโลกที่วุ่นวายไร้ระเบียบในยุคสงครามให้กลายเป็นดินแดนบริสุทธิ์ที่ผู้คนสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติ อิเอะยะสุยึดถือคำกล่าวนี้เป็นคติประจำใจและมุ่งมั่นที่จะต่อสู้เพื่อยุคสมัยที่สงบสุข
สัมผัสความงามอันน่าเกรงขามของวัดและชมประตูอันงดงามที่อิเอะมิตสึ หลานชายของโทคุกาวะ อิเอะยะสุ สร้างขึ้น เมื่อเดินผ่านประตูนี้ไป ทิวทัศน์อันงดงามของโอคาซากิผ่านซุ้มประตูโค้งสวยงามจะปรากฏที่เบื้องหน้าของท่าน และหากเพ่งมองใจกลางของทิวทัศน์อันงดงามนี้อย่างตั้งใจแล้ว ก็จะเห็นวิวปราสาทโอคาซากิอันน่าหลงใหล

ก้าวเข้าไปในหอหลักและสำรวจห้องเก็บศพอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของดวงวิญญาณอันเป็นที่เคารพของโชกุนตระกูลโทคุกาวะ ณ สถานที่แห่งนี้ ท่านจะได้พบกับแผ่นจารึกฝังศพซึ่งเป็นแผ่นไม้แกะสลักอย่างประณีตบรรจง จารึกชื่อของผู้ล่วงลับเพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อวงศ์ตระกูลอันสูงส่ง ความน่าสนใจของแผ่นจารึกนี้คือความสูงที่้เท่ากับความสูงของโชกุนตระกูลโทคุกาวะที่พวกเขารำลึกถึง

พิพิธภัณฑ์ศิลปะโทคุกาวะ

มรดกทางวัฒนธรรมของโทคุกาวะ อิเอะยะสุ
พิพิธภัณฑ์ศิลปะโทคุกาวะเป็นเครื่องพิสูจน์อันทรงคุณค่าของมรดกทางวัฒนธรรมอันรุ่มรวยของแคว้นโอวาริด้วยของสะสมมากมายกว่า 10,000 ชิ้นที่เคยเป็นสมบัติของขุนพลผู้ปกครอง ซึ่งรวมถึงสมบัติของชาติ 9 ชิ้น และทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญ 59 ชิ้น
จากเกมยอดนิยมอย่าง "โทเค็น รัมบุ" ทำให้ดาบคาตานะได้รับความนิยมเป็นพิเศษในหมู่วัยรุ่นชาวญี่ปุ่น แฟนคลับดาบคาตานะผู้หญิงหรือที่เรียกกันว่า "โทเค็น โจชิ" จำนวนมากถูกดึงดูดให้มาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ และต่างกระตือรือร้นที่จะสำรวจสิ่งของที่จัดแสดงและดื่มด่ำไปกับโลกของดาบอันเลื่องชื่อเหล่านี้

สวนโทคุกาวะ

คำว่า "สวนไดเมียว" หมายถึงสวนอันงดงามของขุนนางในสมัยเอโดะ ซึ่งปัจจุบันรู้จักกันในชื่อทั่วไปว่า "สวนญี่ปุ่น" โดยมีผืนน้ำตรงกลางล้อมรอบด้วยทางเดินคดเคี้ยว ประดับประดาด้วยองค์ประกอบต่างๆ เช่น เนินดิน เกาะ สะพาน โคมไฟ และเสาหิน สวนเหล่านี้ได้รับแรงบันดาลใจจากภูมิทัศน์อันเลื่องชื่อ เช่น สวนทะเลสาบตะวันตกของจีน ซึ่งสร้างบรรยากาศอันเงียบสงบและน่าหลงใหล
สวนโทคุกาวะเป็นตัวอย่างของสวนสไตล์นี้ ด้วยพื้นผิวสูงต่ำ หินรูปร่างแปลกตา และต้นไม้ที่จัดวางอย่างมีชั้นเชิง สะท้อนให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของสังคมซามูไร ยิ่งไปกว่านั้น เสน่ห์ของสวนยังโดดเด่นด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ที่เบ่งบานตามฤดูกาล ซึ่งแต่ละดอกต่างก็มีเสน่ห์และความงดงามเฉพาะตัว

ศาลเจ้าโฮไรซัง โทโชกู

ภูเขาโฮไรจิมีความสำคัญอย่างยิ่งในฐานะภูเขาอันศักดิ์สิทธิ์ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติแห่งชาติ ตามตำนานเล่าว่า มารดาของอิเอะยะสุได้เดินทางมายังวัดโฮไรจิและอธิษฐานขอพรให้มีบุตร ซึ่งนำไปสู่การให้กำเนิดอิเอะยะสุในท้ายที่สุด
ท่ามกลางต้นซีดาร์โบราณที่มีอายุยืนยาวถึง 370 ปี ท่านจะพบกับศาลเจ้าโฮไรซัง โทโชกู อันงดงาม ซึ่งสร้างขึ้นโดยหลานชายของอิเอะยะสุ ภาพของศาลเจ้าสีสันสดใสที่ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าอันเงียบสงบเป็นภาพที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง
หากท่านต้องการสัมผัสถึงพลังลึกลับของสถานที่แห่งนี้ โปรดลองสวมเครื่องรางแห่งจิตวิญญาณของต้นไม้พิเศษ ซึ่งว่ากันว่ามีส่วนหนึ่งของแก่นทางจิตวิญญาณของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์อยู่ นอกจากนี้ โปรดอย่าลืมสำรวจเครื่องรางนำโชคที่รู้จักกันในชื่อ "โทระโดจิ" ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความยืดหยุ่นในการเผชิญกับความยากลำบาก และก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆ อยู่เสมอ

ศาลเจ้าโฮไรซัง โทโชกู

ศาลเจ้ามัตสึไดระ โทโชกู วัดโคเก็ตสึอิน และมัตสึไดระโก

ศาลเจ้ามัตสึไดระ โทโชกู เป็นสถานที่พักผ่อนอันศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลมัตสึไดระ บรรพบุรุษของอิเอะยะสุ เพื่อเป็นการรำลึกถึงโทคุกาวะ อิเอะยะสุ โนริโยชิ อันโด ช่างศิลป์เครื่องเขินชื่อดัง ได้อุทิศช่วงเวลา 2 ปีให้กับการสร้างสรรค์ภาพวาดลงรักบนเพดานอันน่าทึ่ง โดยภาพวาดเหล่านี้ได้รับการติดตั้งในปี 2015 เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของโครงการรำลึกครบรอบ 400 ปีแห่งการจากไปของอิเอะยะสุ ภาพวาดแต่ละภาพจากทั้งหมด 108 ภาพล้วนเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความงดงามและความยิ่งใหญ่ทั้งสิ้น
มัตสึไดระโกที่ตั้งอยู่ห่างจากสถานีโทโยตะไปทางตะวันออกประมาณ 10 กิโลเมตร เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างยิ่ง สถานที่นี้มีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับมัตสึไดระ ชิกะอุจิ บรรพบุรุษคนแรกของตระกูลมัตสึไดระ ณ สถานที่แห่งนี้ ท่านจะได้พบกับสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย อาทิ ศาลเจ้ามัตสึไดระ โทโชกู สถานที่สักการะชิกะอุจิ วัดโคเก็ตสึอิน และปราสาทมัตสึไดระ

แนะนำ

/

PAGETOP